การตรวจสอบผลการคำนวณภาษีประจำเดือนรายบุคคล

การตรวจสอบผลการคำนวณภาษีประจำเดือนรายบุคคล โดยหลักจะสามารถตรวจสอบจากการตั้งค่าได้ดังนี้

• ข้อมูลลดหย่อนภาษีพนักงาน
• การกรอกเงินสะสมย้อนหลัง , ปรับปรุงภาษีประจำปี (จะมีผลมาเป็นเงินได้ของเดือนก่อนหน้า)
• การตั้งค่าเวลาการทำงานที่คิดภาษี เช่น สาย , กลับก่อน , โอที
• การตั้งค่าประเภทการลาที่คิดภาษี เช่น ลากิจไม่ได้รับค่าจ้าง , ขาดงาน
• การตั้งค่าประเภทรายรับรายจ่ายที่คิดภาษี

โดยสามารถดูคู่มือ ตั้งค่าเพื่อคำนวณภาษีได้ที่นี่

การตรวจสอบยอดเงินได้สะสมต่อปีของพนักงานจากสลิปเงินเดือน

การตรวจสอบยอดเงินได้สะสมต่อปีของพนักงานจากสลิปเงินเดือน วิธีตรวจสอบเงินได้สะสมทางสลิปเงินเดือน 

ตัวอย่าง วิธีตรวจสอบและวิธีคิด เหตุใดเงินได้สะสมจึงมียอดเพียงแค่ 208,000 ไม่ใช่ยอด 217,533 หรือ 264,000 มีวิธีคิดดังนี้

และวิธีการตรวจสอบยอดเงินสะสมของเงินได้ที่นำไปคิดภาษี จะต้องทำการตรวจสอบที่ช่อง “เงินได้สะสมต่อปี”ดังภาพด้านล่าง

การตรวจสอบเงินได้ที่คิดภาษี จากเมนู “คำนวณเงินเดือนรายบุคคล” > “ภาษี”

วิธีการตรวจสอบยอดเงินได้ที่คิดภาษี จากหน้าเมนู “คำนวณเงินเดือนรายบุคคล” > “ภาษี” จะเป็นการตรวจสอบวิธีการคำนวณภาษี , และแหล่งที่มาของเงินได้ และการคำนวณต่างๆ

ข้อมูลที่แสดงในหน้า “ภาษี” มีการแยกข้อมูลแสดงรายละเอียดดังนี้

1.เงินเดือนเดือนนี้ = เงินเดือน + รายรับ – รายจ่าย ที่มีการคิดภาษี

2.รายได้พึงประเมิน =  (เงินเดือนเดือนนี้) + (เงินเดือนก่อนหน้า) + (เงินเดือนประมาณการ = เงินเดือน+รายรับคงที่-รายจ่ายคงที่)

2.3เงินเดือนประมาณการ = จะเป็นการประมาณตั้งแต่เดือนถัดไปจนถึงสิ้นปี มีอีกทั้งหมดกี่เดือน เช่น ปัจจุบันเดือน กุมภาพันธ์ 2024 เดือนประมาณการที่คิดจะมีอีก 10 เดือน (ไม่นับ ม.ค. , ก.พ.)

3 และ 5. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเดือนนี้ และ ประกันสังคมเดือนนี้  หมายถึง หากพนักงานมีการหักกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ระบบจะนำยอดกองทุนที่หักมาเป็นค่าลดหย่อน

4 และ 6. ประมาณการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ ประมาณการประกันสังคม หมายถึง นำยอดกองทุนที่ถูกหักเดือนนี้ประมาณการโดย (กองทุนเดือนนี้) + (กองทุนเดือนก่อนหน้า) + (กองทุนประมาณการ)

7.หักค่าใช้จ่าย หมายถึง  เป็นการหักค่าใช้จ่าย ร้อยละ 50% ของเงินได้ แต่รวมกันต้องไม่เกิน 100,000 บาท

8.หักค่าลดหย่อนต่างๆ = นำข้อมูลค่าลดหย่อนที่มีการกรอกมาช่วยลดหย่อนการคิดภาษี (หากไม่มีการกรอกข้อมูลเลย จะได้รับค่าลดหย่อน ผู้มีเงินได้ของตัวเราเอง จำนวน 60,000 บาท)

9.รวมรายได้ก่อนคิดภาษี = นำรายได้พึงประเมินจากข้อที่ 2 มาลบกับค่าลดหย่อนข้อที่ 4, 6, 7, 8

10.ภาษีที่ต้องเสียทั้งปี หมายถึง เป็นการนำรวมรายได้ก่อนคิดภาษี จากข้อที่ 9 ไปหาภาษีขั้นบันได

โดยวิธีการคิดภาษีในข้อ 10. ภาษีที่ต้องเสียทั้งปี มีวิธีคิดดังนี้

วิธีคิด

2,349,000  – 2,000,000 (ขั้นเงินได้สุทธิสูงสุดขั้นก่อนหน้า) = 349,000 

นำ 349,000 + 30 % (อัตราภาษี) = 104,700 บาท

104,700 + 365,000 (ภาษีสะสมสูงสุดของขั้นก่อนหน้า) = 469,700 บาท คือยอดภาษีที่ต้องเสียทั้งปี

11.นำส่งภาษีไปแล้ว = ยอดภาษีที่พนักงานเคยมีการจ่ายไปแล้วเป็นยอดเท่าใด

12.เหลือส่งอีก (เดือน) = คือจำนวนเดือนที่พนักงานยังต้องส่งภาษีอีก นับเดือนปัจจุบันที่กำลังคิดอยู่ด้วย เช่น ปัจจุบันอยู่รอบเดือน มกราคม (มกราคม ถึง ธันวาคม = 12 เดือน)

13.ภาษีที่ต้องเสียเฉพาะเดือนนี้ = หากพนักงานคิดภาษีเป็น ภงด.1 40(1) และไม่มีรายรับรายจ่าย 40(2) หรือ 40(1)-2 จะมีหลักการคิดดังนี้

นำ ภาษีที่ต้องเสียทั้งปี ข้อที่ 10 – นำส่งภาษีไปแล้ว ข้อที่ 11 = ยอดใดให้นำไปหาร เหลือส่งอีก ข้อที่ 12 นั่นคือภาษีที่ต้องเสียเดือนนี้

469,700 (ภาษีทั้งปี) – 0 (ภาษีที่นำส่งไปแล้ว) = 469,700

469,700 (ภาษีที่เหลือส่ง) ÷ 12 (จำนวนเดือนที่เหลือส่ง) = 39,141.67 บาท

(หากรายจ่าย Auto ภาษีตั้งค่าปัดเศษทศนิยม ระบบจะปัดขึ้น ) เป็น 39,142 บาท คือยอดภาษีที่ต้องเสียเฉพาะเดือนนี้

ตัวอย่างการคำนวณภาษี ภงด.1 40(1)

จากภาพด้านล่างจะเป็นตัวอย่างการคำนวณภาษีจากรอบเดือน “กุมภาพันธ์ 2024” ที่จะมีเงินเดือนก่อนหน้า และ ภาษีที่นำส่งไปแล้ว

วิธีคิดภาษี ภงด.1 40(1)

เงินเดือนนี้ = 210,000

เงินเดือนก่อนหน้า = 208,000

เงินเดือนประมาณการ = 200,000 (เงินเดือน) + 10,000 (รายรับคงที่)

รวม 210,000 x 10 = 2,100,000 รายได้พึงประเมิน = 2,518,000

ภาษีทั้งปี = 469,700

ภาษีที่ส่งไปแล้ว = 39,142

• 469,700 – 39,142

ภาษีที่เหลือส่ง = 430,558

• 430,558 ÷ 11 = 39,141.64

ภาษีที่ต้องเสียเฉพาะเดือนนี้  = 39,142 บาท

ภาษี 40(1)-2 ,40(2) คืออะไร

• 40(1)-2 คือ การคิดภาษีรูปแบบ 40(2) แต่ตัวยอดเงินได้จะแสดงในรูปแบบ 40(1)
• 40(2) คือ การนำตัวเงินได้ที่คิดภาษีมาคำนวณและหักภาษีในรอบเดือนนี้เดือนเดียว ไม่ยกยอดไปประมาณการ

ตัวอย่างการแสดงผลในรายงานภาษีใบแนบ ภงด.1 ของ40(1)-2 ,40(2)

ตัวอย่างการแสดงผลในรายงานภาษี 50 ทวิ ของ40(1)-2 ,40(2)

การคำนวณภาษีรูปแบบ 40(2)

จากตัวอย่างด้านล่าง พนักงานจะมีเงินได้ 40(2) เป็นจำนวน = 70,000 บาท

วิธีคิด

1.) เงินเดือนเดือนนี้ = 216,000 (200,000+10,000+15,000+70,000 = 295,000 – 9,000 = 286,000)

2.) เงินเดือนก่อนหน้า = 418,000

3.) เงินเดือนประมาณการ = 200,000 (เงินเดือน) + 10,000 (รายรับคงที่คิดภาษี)  รวม 210,000

นำ 210,000 x 9 เดือน (จำนวนเดือนประมาณการ) = 1,890,0000 บาท

นำข้อที่ 1 ถึง 3 รวมกันจะได้ รายได้พึงประเมิน = 2,594,000 บาท

นำรายได้พึงประเมิน หักลบกับค่าลดหย่อนทุกรายการดังนี้

ค่าลดหย่อนประกันสังคม 750 x 12 = 9,000

ค่าลดหย่อน หัก ค่าใช้จ่าย = 100,000

ค่าลดหย่อน หัก ลดหย่อนต่างๆ = 60,000

= 2,594,000 (รายได้พึงประเมิน) – 169,000 (รวมค่าลดหย่อน) = 2,425,000 บาทคือรวมรายได้ก่อนคิดภาษี

รวมรายได้ก่อนคิดภาษี 2,425,000  – 2,000,000 (ขั้นเงินได้สุทธิสูงสุดขั้นก่อนหน้า) = 425,000 

นำ 425,000 + 30 % (อัตราภาษี) = 127,500 บาท

127,500 + 365,000 (ภาษีสะสมสูงสุดของขั้นก่อนหน้า) = 492,500 บาท คือยอดภาษีที่ต้องเสียทั้งปี

492,500 – 78,284 (ภาษีที่นำส่งไปแล้ว) = 414,216 ภาษีที่ต้องนำส่ง

**วิธีคิดจะเหมือน 40(1) ตามปกติจนถึงขั้นตอนนี้**

หลังจากนี้เป็นวิธีคิดแบบ 40(2) 

425,000 + 30 % (อัตราภาษี) = 127,500 บาท  **ที่ก่อนหน้าต้องมีการคิดภาษีแบบ 40(1) ก่อนเพื่อที่จะต้องหาขั้น % ของอัตราภาษี**

127,500 + 365,000 (ภาษีสะสมสูงสุดของขั้นก่อนหน้า) = 492,500 บาท คือยอดภาษีที่ต้องเสียทั้งปี

492,500 – 78,284 (ภาษีที่นำส่งไปแล้ว) = 414,216 ภาษีที่ต้องนำส่ง

70,000 + 30 % (อัตราภาษี)  = 21,000 บาท *ภาษีที่ต้องเสียเฉพาะเดือนนี้จาก 40(2)*

นำภาษีที่ต้องนำส่ง 414,216 – 21,000 (รายรับ 40(2)) = 393,216 บาท

393,216 (ภาษีที่เหลือส่ง) ÷ 10 (จำนวนเดือนที่เหลือส่ง) = 39,321.6 บาท

39,322 + 21,000 = 60,322 บาท คือยอดภาษีที่ต้องเสียเฉพาะเดือนนี้