สิ่งที่ HR ต้องเจอเมื่อมีการเปิดรับสมัครงานแต่ละครั้ง คือ “เรซูเม่กองโต” วันนี้ HumanSoft ได้มัดรวม 7 เทคนิคการสแกนหาเรซูเม่ที่ใช่อย่างรวดเร็วมาฝาก ไปดูกันเลย

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เรซูเม่กับการคัดเลือกผู้สมัครงาน

เรซูเม่ (Resume) เป็นเครื่องมือสำคัญในกระบวนการคัดเลือกผู้สมัครงาน โดยเป็นสิ่งแรกที่นายจ้างหรือ HR ใช้ประเมินผู้สมัครเบื้องต้นเพื่อคัดกรองเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก เรซูเม่ที่ดีต้องแสดงถึงทักษะ ประสบการณ์ และความสามารถที่ตรงกับความต้องการของตำแหน่งงาน รูปแบบการจัดวางข้อมูลต้องชัดเจน กระชับ และเป็นระเบียบ นอกจากนี้ยังควรสะท้อนถึงบุคลิกและความเหมาะสมกับวัฒนธรรมองค์กรด้วย การเลือกผู้สมัครจากเรซูเม่ไม่ได้พิจารณาแค่คุณสมบัติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความคิดสร้างสรรค์ ความใส่ใจในรายละเอียด และความเป็นมืออาชีพ

เมื่อมีการเปิดรับสมัครงานแต่ละครั้ง ความท้าทายที่ HR ต้องรับมือคงหนีไม่พ้น “เรซูเม่กองโต” ที่บรรดาผู้สมัครต่างส่งเข้ามาเพื่อรับการพิจารณา แน่นอนว่าการอ่านอย่างละเอียดทุกตัวอักษรนั้นเป็นเรื่องที่ยากและค่อนข้างใช้เวลานาน HR จึงควรมีเทคนิคการสแกนเรซูเม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดกรองผู้สมัครและลดเวลาในการทำงาน

6 เทคนิคสแกนเรซูเม่ เพื่อคัดเลือกผู้สมัครงานที่ใช่

การสแกนเรซูเม่ หมายถึงการพิจารณาอ่านเรซูเม่โดยภาพรวมอย่างคร่าว ๆ และรวดเร็ว เพื่อกรองหาผู้ที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการเบื้องต้นของตำแหน่งงาน โดยมีเทคนิคในการพิจารณาดังนี้

1. คำสำคัญที่สอดคล้องกับความต้องการของตำแหน่ง

มองหาคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับทักษะหรือคุณสมบัติที่ต้องการในเรซูเม่ เช่น ทักษะความสามารถเฉพาะด้านหรือประสบการณ์ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบว่าผู้สมัครมีทักษะและประสบการณ์ที่ตรงกับข้อกำหนดของตำแหน่งงาน

2. ระดับการศึกษาและการฝึกอบรม

มุ่งความสนใจไปที่ประวัติการศึกษาและการฝึกอบรมว่าผู้สมัครมีความรู้และการฝึกฝนที่ตรงกับความต้องการของตำแหน่งงานหรือไม่ เช่น ระดับการศึกษาที่ผู้สมัครสำเร็จการศึกษา สถาบันที่ผู้สมัครสำเร็จการศึกษา การผ่านการฝึกอบรมหรือผ่านการเข้าร่วมหลักสูตรพิเศษที่เกี่ยวข้องกับทักษะเฉพาะของตำแหน่ง ใบรับรองหรือประกาศนียบัตรจากหน่วยงานวิชาชีพที่มีชื่อเสียงที่แสดงถึงความสามารถเฉพาะด้าน เป็นต้น

3. ประสบการณ์การทำงาน

พิจารณาในส่วนของประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาว่าประสบการณ์การทำงานของผู้สมัครควรตรงหรือเกี่ยวข้องกับงานที่เปิดรับหรือไม่ ดูว่าผู้สมัครมีความสำเร็จหรือผลงานที่ชัดเจนในการทำงานหรือไม่ เช่น การเพิ่มยอดขาย การจัดการโครงการสำเร็จ หรือลดค่าใช้จ่ายในองค์กร ตลอดจนพิจารณาลักษณะของงานที่ผ่านมา เช่น การทำงานในทีม การเป็นผู้นำโครงการ หรืองานที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งจะช่วยให้เห็นว่าผู้สมัครมีทักษะและความสามารถที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่เปิดรับหรือไม่

4. ความต่อเนื่องในการทำงาน

พิจารณาว่าผู้สมัครทำงานในแต่ละตำแหน่งนานแค่ไหน ระยะเวลาการทำงานที่ยาวนานแสดงถึงความมั่นคงและประสบการณ์ที่สั่งสมมา หากมีการเปลี่ยนงานบ่อยหรือมีช่วงที่ไม่ได้ทำงานเป็นเวลานานควรพิจารณาสาเหตุเพิ่มเติม

5. ผลงานความสำเร็จ

พิจารณาว่าผู้สมัครมีผลงานหรือความสำเร็จที่แสดงถึงความสามารถในการทำงานจริงหรือไม่ ได้แก่ ผลงานที่สามารถวัดผลเป็นตัวเลขหรือข้อมูลเชิงปริมาณได้ เช่น การเพิ่มยอดขาย 20% ลดค่าใช้จ่ายในองค์กร 15% หรือการขยายฐานลูกค้า รางวัลหรือการยอมรับจากองค์กร เช่น รางวัลพนักงานดีเด่น หรือได้รับการเลื่อนตำแหน่งเพราะผลงานยอดเยี่ยม บทบาทสำคัญในโครงการที่ประสบความสำเร็จ เช่น การนำทีมไปสู่ความสำเร็จในงานใหญ่ หรือการแก้ปัญหาที่ท้าทาย เป็นต้น

6. รูปแบบการเขียนและการจัดระเบียบข้อมูล

พิจารณาโดยภาพรวมว่าเรซูเม่ของผู้สมัครมีการสะกดคำและการใช้ไวยากรณ์ที่ถูกต้องหรือไม่ เรซูเม่ที่มีข้อผิดพลาดในการเขียนแสดงถึงความไม่ใส่ใจในรายละเอียด มีการจัดรูปแบบเป็นระเบียบหรือไม่ เช่น การออกแบบสีสัน พื้นที่ว่าง การแบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วน ๆ อย่างชัดเจน การใช้ฟอนต์ที่อ่านง่าย ขนาดเหมาะสม ซึ่งการจัดหน้าเรซูเม่ให้อ่านง่ายถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะ Frist Impression คือการมองเห็นโดยภาพรวม ซึ่งยังไม่ได้ลงอ่านรายละเอียดไปถึงข้อความ

สรุป 6 เทคนิคสแกนเรซูเม่ เพื่อคัดเลือกผู้สมัครงานที่ใช่

การสแกนภาพรวมของเรซูเม่เพื่อกรองหาผู้ที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการเบื้องต้นสำหรับ HR มีเทคนิคในการพิจารณา ได้แก่ คำสำคัญที่สอดคล้องกับความต้องการของตำแหน่ง ระดับการศึกษาและการฝึกอบรม ประสบการณ์การทำงาน ความต่อเนื่องในการทำงาน ผลงานความสำเร็จ และรูปแบบการเขียนและการจัดระเบียบข้อมูล เทคนิคดังกล่าวจะช่วยให้ HR สามารถสแกนเรซูเม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และช่วยกรองผู้สมัครที่ไม่ตรงตามคุณสมบัติออกไปได้ทันที ทำให้ประหยัดเวลาในการพิจารณาผู้สมัครจำนวนมาก และมุ่งเน้นไปที่ผู้ที่มีศักยภาพสูง