กดดันตัวเองจนเกิดความเครียดสะสม และ Burnout แล้วมีแนวทางในการพัฒนาตนเองให้ Productive และ Healthy ควบคู่กันไปได้อย่างไร อ่านในบทความนี้
เคล็ดลับ 5 แนวทางการพัฒนาตนเอง
Burnout Syndrome หรือภาวะหมดไฟในการทำงาน เป็นปัญหาที่ชาวออฟฟิศทุกคนมักจะพบเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งภาวะหมดไฟนี้มักจะเกิดจากการผลักดันตัวเองในการทำงานมากไปจนเกิดความเครียดสะสม และเกิดความรู้สึกว่า งานนั้นเกินกำลังที่ตัวเองจะทำได้ ทำงานได้ไม่ดี หรือรู้สึกไม่อยากทำงาน แต่แน่นอนว่าการผลักดันและพัฒนาตนเองให้สามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น มีความสำคัญอย่างมากในการทำงาน ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า แล้วเราจะมีแนวทางในการพัฒนาตนเองให้เก่งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ควบคู่ไปกับการใช้ชีวิตส่วนตัวที่มีความสุขได้อย่างไร
ในวันนี้ HumanSoft โปรแกรมบริหารงานบุคคล จะมาแนะนำแนวทางในการพัฒนาตนเองให้มีความ Productive และ Healthy ควบคู่กันไป เพื่อให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขกับการทำงาน
รวม 5 แนวทางการพัฒนาตนเองให้ทำงานได้อย่าง Healthy และ Productive
1. จัดลำดับความสำคัญของงานในแต่ละวัน
การวางแผนและจัดตารางงาน จะช่วยให้งานที่ได้รับมอบหมาย สามารถสำเร็จลุล่วงตามเวลาที่กำหนดไว้ได้อย่างราบรื่น เริ่มต้นจากการจัดลำดับความสำคัญของงาน ว่างานชิ้นไหนควรทำก่อนหรือหลัง จากนั้นจึงจัดตารางการทำงานในแต่ละวันให้เป็นระเบียบ โดยการจดใส่สมุดโน้ตเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ซึ่งการวางแผนและจัดตารางงานในแต่ละวันได้อย่างเป็นระเบียบ จะทำให้งานทุกชิ้นเสร็จตามเวลาที่กำหนดและมีประสิทธิภาพ
2. ควรวางแผนให้ดีก่อนเริ่มทำงานแต่ละชิ้น
การวางแผนก่อนเริ่มทำงานแต่ละชิ้น จะช่วยให้คุณทำงานได้เป็นระบบ และยังเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อีกด้วย เพราะเมื่อเรามีการวางแผนว่า งานแต่ละชิ้นต้องทำอะไรบ้างและมีกำหนดส่งเมื่อไหร่ ก็จะทำให้คุณจัดลำดับความสำคัญของงานได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้หากคุณมีการเตรียมข้อมูลของชิ้นงานที่จะทำไว้คร่าวๆ ก็จะช่วยให้การทำงานราบรื่นและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
3. ยอมรับที่จะทำงานไม่เสร็จตามแผนที่วางไว้
แม้ว่าจะจัดตารางงานดีแค่ไหน แต่เชื่อว่าทุกคนต้องเจอปัญหางานที่แทรกเข้ามา หรืองานที่ต้องแก้ระหว่างวัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้งานของเราไม่เสร็จตามแผนที่วางไว้ และคุณจะต้องหัดยอมรับกับสิ่งเหล่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดการทำงานล่วงเวลาที่ส่งผลกระทบต่อเวลาพักผ่อนของคุณ ทั้งนี้คุณก็จะต้องหันมาทบทวนตัวเองด้วยว่า การที่คุณทำงานไม่เสร็จตามแผนไม่ได้เกิดจากความขี้เกียจหรือการปล่อยปละละเลยในหน้าที่ แต่เกิดจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ไม่สามารถกำหนดได้ เพื่อไม่ให้เกิดนิสัยผัดวันประกันพรุ่งที่ทำให้คุณดูไม่เป็นมืออาชีพ
4. หยุดทำงานเมื่อถึงเวลาพัก หรือเลิกงาน
นอกจากการให้ความสำคัญกับการทำงานแล้ว ก็ควรจะให้ความสำคัญกับเวลาพัก หรือเวลาเลิกงานไม่แพ้กัน เพราะหากทำงานมากเกินไปและไม่ได้พักผ่อน สมองก็จะเกิดอาการล้า ทำให้คุณทำงานได้ไม่เต็มที่และส่งผลให้งานที่ออกมาไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ดังนั้นเมื่อถึงเวลาพักก็ควรจะวางมือจากงานที่ทำอยู่ หรือหากเป็นช่วงที่งานล้นมือก็ควรจะหาเวลาอย่างน้อย 10-15 นาที ไปพักดื่มน้ำ หรือเดินออกไปสูดอากาศ เพื่อให้สมองได้พักและเพิ่มความสดชื่น
5. หยุดเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น
การเปรียบเทียบตัวเองกับความสำเร็จของผู้อื่น ไม่เพียงแต่ทำลายความมั่นใจในการทำงาน แต่ยังทำให้คุณสูญเสียความเป็นตัวเอง รวมถึงส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต ทำให้คุณกลายเป็นคนขี้อิจฉา อยากเอาชนะ และเห็นแก่ตัวได้อีกด้วย นอกจากนี้เมื่อคุณหมกมุ่นกับการนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ก็อาจทำให้เกิดภาวะ Productivity Dysmorphia หรือภาวะที่รู้สึกว่า ทำดีแค่ไหน ก็ยังไม่ดีพอ เนื่องจากไม่สามารถทำตามเป้าหมายที่วางไว้ได้เลยสักอย่าง ดังนั้น การหันมาโฟกัสกับการพัฒนาตนเองให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ จะช่วยให้ไม่ให้เกิดภาวะ Productivity Dysmorphia และช่วยให้คุณมีสุขภาพจิตที่ดี รวมถึงทำให้คุณมีความสุขกับการทำงานได้อีกด้วย
สรุป 5 แนวทางในการพัฒนาตนเอง
การพัฒนาตนเองให้มีความ Productive และ Healthy ควบคู่กันไป เป็นสิ่งที่เราทุกคนควรจะใส่ใจให้มากขึ้น เพราะอย่าลืมว่า ในส่วนของการทำงานนั้นแม้จะเกิดปัญหาหรือข้อผิดพลาดขึ้นก็ยังสามารถแก้ไขได้ แต่สำหรับสุขภาพแล้ว หากเกิดปัญหาหรือโรคต่าง ๆ ขึ้นมา การจะแก้ไขหรือดูแลให้กลับไปสมบูรณ์ดังเดิมนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ซึ่งการพัฒนาตนเองให้มีความ Productive และ Healthy จะง่ายขึ้นถ้ามีตัวช่วยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สมุดแพลนเนอร์สำหรับวางแผนการทำงาน หรือการใช้งานแอปพลิเคชันที่ช่วยให้การทำงานเป็นระเบียบขึ้น เช่น โปรแกรมบริหารงานบุคคล HumanSoft โปรแกรมที่ช่วยให้ HR ได้มีเวลาไปพัฒนาบุคลากรให้มีความสุขและมีการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
05/04/2023 1895 views
HR Knowledge