Resilience skill ล้มแล้วต้องลุกได้ ทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานยุคใหม่ โดย Resilience skill นั้นคืออะไร สามารถฝึกฝนได้อย่างไรบ้าง มาดูกันในบทความนี้เลย
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม:
- 6 ทักษะ Interpersonal Skills ที่วัยทำงานควรมี
- รวม Soft Skills ที่จำเป็นสำหรับคนทำงานในปี 2023
- Upskill และ Reskill ทำไมองค์กรจำเป็นต้องให้ความสำคัญในยุคนี้
- ปลุก Soft Skills และ Hard Skills ของพนักงานด้วย HRM ในองค์กร
Resilience skill แปลว่าอะไร
ช่วงชีวิตของการทำงานมักมีเรื่องที่ท้าทายและอุปสรรคต่าง ๆ อยู่เสมอ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องพบเจอ บางครั้งอาจจะถูกกดดันจากการทำงานหรืองานไม่เป็นไปตามที่หวังบ้าง แต่สิ่งที่ทุกคนพึ่งมีคือ Resilience skill
Resilience skill แปลว่า ทักษะความยืดหยุ่น หมายถึง ความสามารถในการจัดการกับความท้าทาย ความผิดหวัง และความยากลำบากต่าง ๆ ที่เผชิญอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำพาตัวเองกลับมาสู่สภาวะปกติด้วยความคิดที่ยืดหยุ่น และพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อต่อสู้กับปัญหาได้ เมื่อล้มแล้วก็ต้องลุกให้ได้ เปรียบเสมือนเป็น ‘ตุ๊กตาล้มลุก’ ที่เมื่อล้มแล้วก็ต้องรีบลุกขึ้นมาใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการทำงานในปัจจุบันการมี Resilience Skill ถือว่าเป็นทักษะสำคัญที่มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ ควรต้องมีเลยก็ว่าได้ เพราะจะช่วยให้มีความแข็งแกร่งในการทำงานมากขึ้น
Resilience skill มีลักษณะอย่างไรบ้าง
ในส่วนลักษณะสำคัญของ Resilience Skill มีลักษณะ ดังต่อไปนี้
เข้าใจตัวเอง
ลักษณะสำคัญของการมี Resilience Skill อันดับแรกคือ เข้าใจตัวเอง ตระหนักรู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อนหรือจุดแข็งในด้านใดบ้าง ควรที่จะพัฒนาหรือเสริมจุดอ่อนในเรื่องใดให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถประเมินความสามารถของตนเองได้อย่างเหมาะสม และช่วยให้เราสามารถรับมือต่อการทำงานที่ยากลำบาก หรือการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รู้จักการยอมรับความจริง
ผู้ที่มี Resilience Skill ควรต้องรู้จักการยอมรับความจริง เพราะทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ยอมก้าวออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง และพร้อมยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายหรือยากลำบากก็ตาม ก็จะทำให้เรามองเห็นถึงต้นตอของปัญหา เพราะการแก้ไขปัญหาที่ดีนั้น จำเป็นที่จะต้องเข้าใจถึงต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้น และมองปัญหาในมุมมองของความเป็นจริงนั่นเอง
มองโลกในแง่ดี
การมองโลกในแง่ดี เป็นอีกหนึ่งลักษณะที่ Resilience Skill ควรมีเพราะช่วยสร้างพลังบวกในการเผชิญกับปัญหาที่มีอยู่ตรงหน้าได้ เป็นปัจจัยที่ช่วยให้เราฝ่าฟันอุปสรรคและผ่านวิกฤตต่าง ๆ ไปได้ โดยมองเห็นโอกาสและสร้างพลังบวกจากสถานการณ์ท้าทายนั้น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขในการทำงานได้มากยิ่งขึ้น
ทบทวนปัญหาหรือสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ
การทบทวนปัญหาหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นับเป็นส่วนสำคัญของการ Resilience skill เนื่องจากช่วยให้เข้าใจรากเหง้าและสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด นำบทเรียนจากประสบการณ์ในอดีตมาปรับปรุงวิธีการรับมือกับปัญหาในอนาคต ซึ่งนอกจากได้ทบทวนถึงปัญหาแล้ว ยังได้ทบทวนการกระทำของตนเอง ทำให้กล้าที่จะตั้งคำถามกับตัวเอง และได้ทราบถึงข้อบกพร่องของตนเองได้เป็นอย่างดี เพื่อให้สะสางปัญหาหรือข้อบกพร่องต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
พร้อมต่อสู้กับปัญหาและพัฒนาตนเอง
นอกจากลักษณะต่าง ๆ ของ Resilience skill ที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดของ Resilience skill คือความ “พร้อม” ความพร้อมในที่นี้คือ ความพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหา พร้อมที่จะต่อสู้เพื่อก้าวข้ามปัญหา และพร้อมที่จะพัฒนาตนเองให้เป็นไปในทางที่ดี เมื่อมีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน จะทำให้เรามีกำลังใจและพลังในการเผชิญหน้ากับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆได้อย่างเต็มที่ สามารถจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงนำประสบการณ์มาพัฒนาและเติบโตยิ่งขึ้นไป
วิธีฝึก Resilience skill อย่างมีประสิทธิภาพ
การพัฒนา Resilience skill หรือทักษะความยืดหยุ่นเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถเผชิญกับความท้าทายและปัญหาต่าง ๆ ในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง Resilience skill สามารถฝึกฝนทักษะนี้ได้หลากหลายวิธี ดังนี้
1. การปรับเปลี่ยนทัศนคติให้มีมุมมองเชิงบวก
การปรับเปลี่ยนทัศนคติให้มีมุมมองความคิดเชิงบวก ช่วยให้แก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การมองปัญหาให้เป็นโอกาสในการเรียนรู้จึงเป็นแนวความคิดที่ดี
2. การตั้งเป้าหมายและสร้างแรงจูงใจ
การมีเป้าหมายการทำงานหรือการสร้างแรงจูงใจ เปรียบเสมือนเป็นเข็มทิศในการเดินทาง ช่วยให้เรารู้ว่าควรทำอะไรก่อนหลัง หรือรู้ว่าในแต่ละวันเราควรที่จะต้องทำอะไรบ้าง
3. ไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง
การพัฒนาตัวเองอยู่เสมอเป็นกระบวนการสำคัญในการเติบโตและช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะในยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การหยุดนิ่งเปรียบเสมือนเป็นการถอยหลัง ดังนั้น การพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถก้าวทันต่อความเปลี่ยนแปลง ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และเพิ่มศักยภาพในแก่ตัวเองอีกด้วย
4. ฝึกการพึ่งพาตัวเอง
ต้องฝึกให้รู้จักการพึ่งพาตัวเอง ควรตระหนักไว้เสมอว่าไม่มีใครสามารถเข้าใจเราได้เท่าตัวเราเอง ไม่มีใครสามารถบังคับเราได้นอกจากเราจะบังคับตัวเอง ดังนั้น เราควรที่จะพึ่งพาตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก เพราะการพึ่งพาตัวเองเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาตัวเอง
5. มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
ช่วงชีวิตของการทำงานต้องพบปะกับผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งคนภายในองค์กรและภายนอกองค์กร ดังนั้นการมีมนุษยสัมพันธ์ (Human Relation) จึงเป็นสิ่งที่ดีที่จะสร้างความประทับใจและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้อื่น ช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น
6. มีความมั่นใจในตัวเอง
การมีความมั่นใจในตัวเองช่วยให้สามารถประสบความสำเร็จได้ เพราะการมีความมั่นใจในตัวเองถือเป็นอีกหนึ่งความกล้าหาญชนิดหนึ่งที่ทำให้เรากล้าที่จะเผชิญปัญหา และมั่นใจในความสามารถของตัวเองที่จะเอาชนะปัญหาและก้าวข้ามผ่านปัญหาและอุปสรรคที่มีได้
สรุป Resilience skill สำหรับการทำงาน คืออะไร? ฝึกได้อย่างไร?
Resilience skill หรือ ทักษะความยืดหยุ่น คือ ความสามารถในการจัดการกับความท้าทาย ความผิดหวัง และความยากลำบากต่าง ๆ ที่เผชิญอยู่ และสามารถนำพาตัวเองกลับมาสู่สภาวะปกติด้วยความคิดที่ยืดหยุ่นและความคิดในเชิงบวก ซึ่ง Resilience skill ช่วยให้เรามีความพร้อมที่จะรับมือได้กับทุกสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ