มาจัดสรรเวลาการทำงานและชีวิตส่วนตัวให้เหมาะสม โดยใช้แนวคิด “Work-Life Integration” เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อทั้งองค์กรและพนักงาน จะมีรายละเอียดอย่างไร ไปดูกันเลย
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- วิธีสร้าง Work-Life Balance ให้แก่พนักงาน ที่ HR ไม่ควรพลาด
- 6 วิธี สร้างความสุขในการทำงาน
- 4 วิธีสร้างบรรยากาศดีๆ ในองค์กร โดยการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ (HRM)
- Growth Mindset ในการทํางานเพื่อคนยุคใหม่ ทำงานอย่างมีความสุข
Work-Life Integration คืออะไร?
Work-Life Integration คือแนวคิดที่มุ่งเน้นการเชื่อมโยงระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีความสุขควบคู่ไปกับการทำงานไปพร้อม ๆ กันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นหมายความว่าผู้คนสามารถปรับตัวให้เข้ากับตารางเวลาของการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัวได้อย่างเหมาะสม นับว่าทั้งสองส่วนถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้อย่างชัดเจน
แนวคิดแบบใดที่ใช่ Work-Life Integration
แนวคิด Work-Life Integration นั้นมีความยืดหยุ่น ขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์ของแต่ละบุคคล และองค์กร จะมีแนวคิดอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย
การทำงานแบบยืดหยุ่น
การทำงานแบบยืดหยุ่น หมายถึง การที่พนักงานสามารถเลือกเวลาเข้า-ออกงานได้เอง โดยไม่ต้องเข้างานตรงเวลา หรือเลิกงานตรงเวลาเสมอไป
การทำงานที่บ้าน
การทำงานที่บ้าน หรือเรียกอีกอย่างว่า การ Work From Home พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านได้บางวัน หรือบางสัปดาห์ โดยที่พนักงานสามารถจัดสรรเวลาการทำงานของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การลาพักร้อน
อีกหนึ่งสวัสดิการสำคัญที่ทำให้พนักงานรู้สึกไม่หมดไฟในการทำงาน คือ สวัสดิการการลาพักร้อน หากพนักงานได้รับการสนับสนุนให้ลาพักร้อน ลาพักผ่อน ได้ ก็จะทำให้พนักงานลดความตึงเครียดและมีความสุขกับกิจกรรมต่าง ๆ ได้
สวัสดิการด้านสุขภาพจิต
บริษัทควรส่งเสริมการดูแลสุขภาพจิตให้กับพนักงานเป็นสำคัญ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะเครียดสูง และเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าของพนักงานได้
กิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์
บริษัทควรจัดกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้กับพนักงาน ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น จัด Outing บริษัท, งานสัมมนา, ฝึกอบรม เป็นต้น เพื่อช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน อีกทั้งยังสามารถสร้างบรรยากาศที่ดีภายในบริษัทได้อีกด้วย
ส่องความต่างของ Work-Life Integration และ Work-Life Balance
- Work-Life Balance มุ่งเน้นไปที่การ “แยก” เวลาส่วนตัวและเวลาทำงานออกจากกันอย่างชัดเจน ให้พนักงานโฟกัสงานในเวลาทำงน และโฟกัสชีวิตส่วนตัวในเวลาหลังเลิกงาน
- Work-Life Integration แนวคิดนี้มุ่งเน้นให้เวลาทำงานและชีวิตส่วนตัวมีความสัมพันธ์กัน พนักงานก็ต้องมาจัดสรรเวลาให้กับทั้งสองอย่างให้ลงตัว เหมาะสม โดยไม่ต้องรู้สึกว่าต้อง “ทุ่มเท” กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป
ข้อดีของ Work-Life Integration
วันนี้ HumanSoft มีข้อดีของ Work-Life Integration มาฝาก จะมีรายละเอียดอย่างไร ไปดูกันเลย
ข้อดีสำหรับพนักงาน
- พนักงานมีความสุขกับการทำงาน เมื่อได้รับการสนับสนุนจากองค์กรก็จะทำให้รู้สึกมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น
- ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานสูงขึ้น ผลงานที่ออกมาก็จะมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
- พนักงานมีสุขภาพจิตที่ดี
- พนักงานมีเวลาให้กับสิ่งที่ตนเองสนใจ มีเวลาผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานมากขึ้น
- พนักงานมีความผูกพันกับองค์กรมากขึ้น
ข้อดีสำหรับองค์กร
- ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมดีขึ้น
- องค์กรสามารถดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถไว้ได้
- ลดอัตราการลาออกของพนักงานได้เป็นอย่างดี
- องคกร์มีภาพลักษณ์ที่ดีเนื่องจากใส่ใจความรู้สึกของพนักงานเป็นสำคัญ
สรุป จัดสรรเวลาด้วยตนเองให้เหมาะสม ด้วย Work-Life Integration
โดยสรุปแล้ว การเลือกใช้แนวคิด Work-Life Integration นับเป็นแนวคิดที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งบุคคลและองค์กร การนำแนวคิดนี้ไปใช้จะช่วยให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขในชีวิตส่วนตัวไปพร้อมกัน ดังนั้น การนำแนวคิด Work-Life Integration มาปรับใช้ จึงเป็นวิธีที่ช่วยให้พนักงาน มีชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานที่เหมาะสม พนักงานก็จะไม่รู้สึกถึงแรงกดดันที่ต้องเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง