การจ้างงานคือหัวใจของธุรกิจ มารู้จักรูปแบบการจ้างงานที่หลากหลาย พร้อมข้อดีของแต่ละแบบ เพื่อเลือกให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
อ่านบทความที่คุณอาจสนใจเพิ่มเติม:
- แจกตัวอย่างแบบฟอร์มสัญญากู้ยืมเงินบริษัท ดาวน์โหลดฟรี!!
- Q&A สัญญาจ้างงานบริษัท 1 ปี แต่พนักงานขอลาออกก่อนได้ไหม?
- องค์ประกอบสำคัญที่ควรมีในสัญญาจ้างงาน ฟรีแลนซ์ พร้อมตัวอย่าง
- Download แบบฟอร์มสัญญาจ้างงาน แจกฟรี! ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ
- การจ้างงานพนักงานหลังเกษียณ แนวทางและกฎเกณฑ์ที่ HR ควรรู้
ว่าด้วยเรื่องของการจ้างงาน
ปัจจุบัน รูปแบบการจ้างงานมีความหลากหลายมากขึ้นกว่าในอดีต ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การทำงานประจำที่สำนักงานอีกต่อไป ด้วยความเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ ส่งผลให้รูปแบบการจ้างงานมีความหลากมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของทั้งนายจ้างและพนักงาน (ลูกจ้าง) การเลือกประเภทของการจ้างงานให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์สูงสุด
รูปแบบการจ้างงานและข้อดีของแต่ละประเภท
การเลือกประเภทของการจ้างงานเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารงานบุคคลได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด ในบทความนี้ เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับ รูปแบบการจ้างงานที่พบบ่อย พร้อมทั้งวิเคราะห์ข้อดีของแต่ละแบบ เพื่อเป็นแนวทางช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกรูปแบบการจ้างงานที่สอดคล้องกับความต้องการและเป้าหมายของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
การจ้างงานแบบประจำ (Full-Time)
การจ้างงานแบบประจำถือเป็นการจ้างงานที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เป็นรูปแบบการจ้างงานที่ไม่มีการกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด พนักงานหรือลูกจ้างสามารถทำงานต่อเนื่องกับนายจ้างได้จนกว่าจะลาออก เกษียณอายุ หรือถูกเลิกจ้าง โดยรูปแบบการจ้างงานแบบประจำนั้นจะมีการกำหนดเวลาการทำงานตามที่กฎหมายแรงงานกำหนด คือ ไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือ 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
สิทธิประโยชน์ที่ลูกจ้างจะได้รับ
การจ้างงานแบบประจำ ลูกจ้างจะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้
1. เงินเดือนและค่าจ้าง:
- ลูกจ้างได้รับค่าจ้างหรือเงินเดือนเป็นประจำทุกเดือน ช่วยให้สามารถวางแผนการเงินได้อย่างมั่นคง
2. สวัสดิการต่าง ๆ:
- ประกันสังคม: สิทธิในการรักษาพยาบาล กรณีเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ และอื่น ๆ
- ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ: ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยตามเงื่อนไข
- สิทธิการลาตามกฎหมาย
- สวัสดิการอื่น ๆ
3. ความมั่นคงทางอาชีพ:
- มีสัญญาจ้างงานเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งช่วยปกป้องสิทธิของลูกจ้างจากการเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
4. โอกาสก้าวหน้าในสายงาน:
- พนักงานมีโอกาสได้รับการเลื่อนตำแหน่งหรือเงินเดือนเพิ่มตามผลงาน
ข้อดีของการจ้างงานแบบประจำ
1. สำหรับลูกจ้าง:
- มีรายได้ที่สม่ำเสมอ ช่วยลดความกังวลด้านการเงิน
- ได้รับสวัสดิการที่ครอบคลุม ดูแลทั้งสุขภาพและการใช้ชีวิต
- มีโอกาสพัฒนาทักษะและสร้างเสถียรภาพในสายอาชีพ
2. สำหรับนายจ้าง:
- สร้างทีมงานที่มีความมั่นคง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความต่อเนื่องของงาน
- ลดปัญหาการเปลี่ยนงานบ่อย เพราะพนักงานประจำมักมีความจงรักภักดีต่อองค์กร
- วางแผนและพัฒนาบุคลากรในระยะยาวได้ง่าย
การจ้างงานแบบพาร์ตไทม์ (Part-time)
การจ้างงานแบบพาร์ตไทม์ เป็นรูปแบบการจ้างงานที่ลูกจ้างอาจทำงานเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน หรือไม่กี่วันต่อสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ซึ่งการจ้างงานแบบพาร์ตไทม์นั้นมีจุดเด่นในเรื่องความยืดหยุ่น และเหมาะสมสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดด้านเวลา เช่น นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่มีภาระหน้าที่อื่น ๆ
ข้อดีของการจ้างงานแบบพาร์ตไทม์
สำหรับลูกจ้าง:
- ความยืดหยุ่นในการจัดการเวลา: เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสมดุลระหว่างการเรียนหรือภาระส่วนตัวกับการทำงาน
- หารายได้เสริม: ช่วยเพิ่มรายได้สำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่มีงานประจำอยู่แล้ว
- สร้างประสบการณ์: โอกาสเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานก่อนก้าวเข้าสู่การทำงานแบบเต็มเวลา
สำหรับนายจ้าง:
- ลดต้นทุน: นายจ้างสามารถจ่ายค่าจ้างเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องการพนักงานเพิ่มเติม โดยไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายสวัสดิการเต็มรูปแบบ
- รองรับงานเฉพาะช่วงเวลา: เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีช่วงเวลางานหนาแน่น เช่น ช่วงเทศกาลหรือฤดูท่องเที่ยว
- ขยายกลุ่มพนักงาน: ดึงดูดคนที่ไม่สามารถทำงานเต็มเวลา เช่น นักเรียน หรือผู้สูงอายุที่ยังต้องการทำงาน
การจ้างงานแบบสัญญาจ้างชั่วคราว
การจ้างงานแบบสัญญาจ้างชั่วคราว เป็นรูปแบบการจ้างงานที่กำหนดระยะเวลาการทำงานอย่างชัดเจน เช่น 6 เดือน, 1 ปี, หรือ 3 ปี โดยทั่วไปลูกจ้างจะได้รับสิทธิประโยชน์พื้นฐาน เช่น เงินเดือน สวัสดิการ หรือสิทธิการลาต่าง ๆ คล้ายกับการจ้างงานแบบประจำ โดยทั่วไปสัญญาจ้างชั่วคราวมักใช้ในโครงการพิเศษ งานที่มีความต้องการเร่งด่วน หรือการจ้างเพื่อทดแทนพนักงานที่ลาหยุดยาว เป็นต้น
การจ้างงานแบบสัญญาจ้างชั่วคราวเป็นรูปแบบที่เหมาะสำหรับทั้งลูกจ้างและนายจ้างที่ต้องการความยืดหยุ่นและมุ่งเน้นงานเฉพาะกิจ แม้จะขาดความมั่นคงในระยะยาว แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับลูกจ้างในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และสำหรับนายจ้างในการลดต้นทุนและปรับใช้ทรัพยากรบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพในระยะเวลาที่เหมาะสม
ข้อดีของการจ้างงานแบบสัญญาจ้างชั่วคราว
สำหรับลูกจ้าง:
- โอกาสทดลองงาน: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสำรวจว่าตนเองเหมาะสมกับงานหรือบริษัทนั้นหรือไม่ ก่อนสมัครงานประจำ
- สะสมประสบการณ์: ช่วยสร้างประสบการณ์ทำงานในหลายองค์กรหรือโปรเจกต์เฉพาะ
- มีความยืดหยุ่น: ไม่ต้องผูกมัดระยะยาว เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสำรวจโอกาสใหม่ ๆ
สำหรับนายจ้าง:
- ลดภาระค่าใช้จ่ายระยะยาว: ไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องสวัสดิการระยะยาวหรือภาระผูกพันเมื่องานเสร็จสิ้น
- ตอบโจทย์งานระยะสั้น: เหมาะสำหรับโครงการที่ต้องการแรงงานเพิ่มเติมในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
- คัดกรองพนักงานก่อนจ้างประจำ: ใช้เป็นโอกาสในการประเมินความสามารถของลูกจ้างก่อนเสนอสัญญาจ้างงานถาวร
การจ้างงานแบบฟรีแลนซ์ (Freelanc)
การจ้างงานแบบฟรีแลนซ์ เป็นลักษณะการทำงานอิสระที่ไม่มีข้อผูกมัดทางสัญญาจ้างงานแบบถาวร งานมักจบลงตามข้อตกลง เช่น การส่งมอบโปรเจกต์ หรือการทำงานให้ครบระยะเวลาที่กำหนด โดยฟรีแลนซ์จะทำงานตามโปรเจกต์หรือข้อตกลงเป็นครั้ง ๆ ไปตามที่นายจ้างหรือผู้ว่าจ้างต้องการ ด้วยลักษณะงานที่มีความยืดหยุ่นสูง ผู้ที่ทำงานฟรีแลนซ์จึงสามารถบริหารจัดการเวลาและสถานที่ทำงานได้ตามความสะดวก เช่น การทำงานจากที่บ้านหรือแม้แต่ทำงานจากต่างประเทศ
การจ้างงานแบบฟรีแลนซ์จึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับทั้งนายจ้างและลูกจ้างในยุคที่ความยืดหยุ่นและการทำงานแบบดิจิทัลได้รับความนิยม ลูกจ้างสามารถควบคุมวิถีชีวิตและงานของตนเองได้ ในขณะที่นายจ้างสามารถลดค่าใช้จ่ายและเลือกใช้แรงงานตามความต้องการเฉพาะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดีของการจ้างงานแบบฟรีแลนซ์
สำหรับลูกจ้าง (ฟรีแลนซ์):
- อิสระในการทำงาน: เลือกงานที่ชอบหรือถนัดได้ รวมถึงกำหนดชั่วโมงทำงานเอง
- โอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะ: การทำงานกับลูกค้าหรือโปรเจกต์หลากหลายช่วยพัฒนาความรู้และทักษะใหม่ ๆ
- ทำงานจากที่ใดก็ได้: ไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัทหรืออยู่ในสถานที่เดียวกันกับนายจ้าง
- โอกาสหารายได้หลากหลาย: สามารถทำงานกับลูกค้าหลายรายพร้อมกันได้
สำหรับนายจ้าง:
- ประหยัดต้นทุน: ไม่ต้องรับผิดชอบค่าจ้างระยะยาวหรือสวัสดิการ
- เข้าถึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง: สามารถจ้างฟรีแลนซ์ที่มีความสามารถเฉพาะทางสำหรับโปรเจกต์เฉพาะกิจ
- ความรวดเร็ว: เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความยืดหยุ่นหรือระยะเวลาดำเนินการสั้น
การจ้างงานแบบรายวันหรือรายชั่วโมง (Casual)
การจ้างงานแบบรายวันหรือรายชั่วโมง เป็นรูปแบบการจ้างงานชั่วคราวที่มีความยืดหยุ่นสูง โดยลูกจ้างทำงานตามระยะเวลาหรือชั่วโมงที่ตกลงกับนายจ้าง ซึ่งอาจมีการเซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับนโยบายบริษัทและลักษณะของงานนั้น ๆ นอกจากนี้ การจ้างงานแบบรายวันหรือรายชั่วโมง (Casual) เนื้องานมักเป็นลักษณะชั่วคราวหรือเฉพาะกิจที่ต้องการแรงงานในระยะเวลาสั้น เช่น งานบริการลูกค้า งานอีเวนต์ หรือพนักงานขายในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
ข้อดีของการจ้างงานแบบรายวันหรือรายชั่วโมง
สำหรับลูกจ้าง:
- ความยืดหยุ่นด้านเวลา: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหารายได้เสริม หรือต้องการทำงานเพียงบางช่วงเวลา
- รายได้ที่คำนวณง่าย: ค่าจ้างชัดเจนตามจำนวนวันหรือชั่วโมงที่ทำงาน
- เปิดโอกาสให้กลุ่มเฉพาะ: เป็นโอกาสสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ที่เกษียณ หรือผู้ที่ต้องการกลับมาทำงานบางช่วง
สำหรับนายจ้าง:
- ลดต้นทุน: จ้างงานเฉพาะช่วงเวลาที่จำเป็น ลดภาระด้านสวัสดิการระยะยาว
- เพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการบุคลากร: สามารถปรับเปลี่ยนจำนวนแรงงานตามความต้องการในแต่ละช่วงเวลา
- เหมาะสำหรับงานชั่วคราวหรือเฉพาะกิจ: เช่น งานอีเวนต์ งานขายตามฤดูกาล
สรุปรูปแบบการจ้างงานมีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีข้อดีอย่างไร?
รูปแบบการจ้างงานของแต่ละรูปแบบมีจุดเด่นที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน ทั้งในมุมมองของนายจ้างและมุมมองของลูกจ้าง ทั้งนี้ การพิจารณาเลือกรูปแบบการจ้างงานควรพิจารณาจากลักษณะงาน งบประมาณ และความยืดหยุ่นที่องค์กรต้องการ