อัตราการหยุดงาน (Absenteeism Rate) ตัวชี้วัดประสิทธิภาพการบริหารทรัพยากรบุคคลในองค์กร เรียนรู้วิธีคำนวณ ปัจจัยที่ส่งผล และแนวทางการลดอัตราไปพร้อมกันในบทความนี้เลย
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- ตัวอย่างรายงานสถิติการขาด ลา มาสาย จาก HumanSoft
- วิธีจัดการภาวะหมดไฟในการทำงานสำหรับ HR
- เช็กปฏิทินวันหยุด 2567 มีวันหยุดยาววันไหนบ้าง
- Q&A ลูกจ้างประสบอุบัติเหตุ ลาป่วยเกิน 30 วัน เลิกจ้างได้ไหม?
- ระบบลางานออนไลน์ ง่ายๆ ผ่าน Application
- วิธีการคำนวณ Turnover Rate และกลยุทธ์ลดการเกิด Turnover Rate
รู้จักกับ Absenteeism Rate
Absenteeism Rate หรืออัตราการหยุดงาน หมายถึง อัตราจำนวนวันที่พนักงานไม่มาทำงานเมื่อเทียบกับจำนวนวันที่พนักงานควรทำงานตามปกติในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ คิดเป็นร้อยละ เช่น อัตราการหยุดงานในช่วง 1 เดือนหรือ 1 ปี ซึ่งการหยุดงานที่นับรวมอาจเป็นการลาป่วย การลาเพื่อเหตุฉุกเฉิน หรือการขาดงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้อัตราการหยุดงานสามารถบ่งชี้ถึงสุขภาพทางกายภาพและจิตใจของพนักงาน และสามารถใช้เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพการบริหารจัดการพนักงานในองค์กรได้
ความสำคัญของการติดตาม Absenteeism Rate ในองค์กร
การติดตาม Absenteeism Rate หรืออัตราการหยุดงานในองค์กรมีความสำคัญอย่างมากต่อการบริหารจัดการและประสิทธิภาพขององค์กร การทราบข้อมูลอัตราการหยุดงานช่วยให้องค์กรสามารถระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ปัญหาสุขภาพของพนักงาน สภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่ดี หรือการบริหารจัดการที่ไม่เหมาะสม เมื่อทราบถึงข้อมูลเหล่านี้จะช่วยองค์กรให้สามารถประเมินและปรับปรุงกลยุทธ์การจัดการทรัพยากรบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีการคำนวณ Absenteeism Rate
สูตรการคำนวณ Absenteeism Rate ดังนี้
Absenteeism Rate = จำนวนวันที่หยุดงานคูณด้วย 100 และหารด้วยจำนวนวันที่ทำงานทั้งหมด
• จำนวนวันที่หยุดงาน คือจำนวนวันทั้งหมดที่พนักงานไม่มาทำงานในช่วงเวลาที่ระบุ เช่น 1 เดือน หรือ 1 ปี
• จำนวนวันทำงานทั้งหมดที่กำหนด คือจำนวนวันที่พนักงานควรจะทำงานทั้งหมดในช่วงเวลานั้น เช่น ถ้าองค์กรทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ จำนวนวันทำงานทั้งหมดใน 1 เดือนอาจเท่ากับ 20-22 วัน
ตัวอย่างการคำนวณ Absenteeism Rate
บริษัท A มีพนักงานในองค์กรจำนวน 80 คน ใน 1 เดือนแต่ละคนทำงานคนละ 22 วัน ในเดือนนั้นมีพนักงานขาดงานรวมทั้งหมด 30 วัน จะสามารถคิดอัตราการหยุดงานได้ดังนี้
Absenteeism Rate = (30 X 100) / (80 X 22) = 1.7%
ดังนั้นอัตรา Absenteeism Rate หรืออัตราการหยุดงานของบริษัท A ในช่วงเวลา 1 เดือน คิดเป็น 1.7%
ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Absenteeism Rate
อัตราการหยุดงานในองค์กรอาจเกิดขึ้นได้จากหลายเหตุปัจจัย ดังนี้
1. สุขภาพและสภาพร่างกายของพนักงาน
สุขภาพและสภาพร่างกายของพนักงานเป็นปัจจัยที่มีผลอย่างมากต่อการเกิด Absenteeism Rate หรืออัตราการหยุดงาน หากพนักงานมีปัญหาสุขภาพหรือต้องรับการรักษาพยาบาลบ่อยครั้ง อาจทำให้มีการลาป่วยเพิ่มขึ้น
2. สภาพจิตใจและความเครียดของพนักงาน
ความเครียดและปัญหาสภาพจิตใจสามารถส่งผลโดยตรงต่อการหยุดงานของพนักงาน เช่น ความเครียดที่เกิดจากภาระงานมากเกินไป หรือความกดดันในที่ทำงานอาจนำไปสู่การหมดไฟในการทำงาน (Burnout) ทำให้พนักงานเลือกที่จะหยุดงานเพื่อพักผ่อนหรือฟื้นฟูสภาพจิตใจ นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากปัญหาส่วนตัว เช่น ความเครียดจากครอบครัวหรือความสัมพันธ์ส่วนตัว ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้พนักงานมีแนวโน้มขาดงานมากขึ้น เพราะความเครียดเหล่านี้อาจส่งผลให้พนักงานไม่มีสมาธิในการทำงานและต้องการเวลาหยุดเพื่อจัดการกับปัญหาส่วนตัว
3. วัฒนธรรมองค์กร
วัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เอื้อต่อการทำงานอาจส่งผลให้พนักงานหยุดงานมากขึ้น เช่น องค์กรที่มีความขัดแย้งภายใน หรือมีการบริหารจัดการที่เข้มงวดมากเกินไป อาจทำให้พนักงานรู้สึกไม่สบายใจและสูญเสียแรงจูงใจในการทำงาน นอกจากนี้หากองค์กรไม่มีการสนับสนุนพนักงานในเรื่องส่วนตัวหรือการดูแลสุขภาพ พนักงานอาจรู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่าและตัดสินใจหยุดงานบ่อยขึ้น เพื่อหาวิธีหลีกหนีจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย
4. นโยบายการลางานขององค์กร
นโยบายการลางานขององค์กรมีผลโดยตรงต่อการหยุดงาน หากองค์กรมีนโยบายการลางานที่เข้มงวดหรือมีข้อจำกัดในการลาป่วยหรือหยุดงาน พนักงานอาจไม่สามารถลางานได้เมื่อมีความจำเป็น หรืออาจเลือกที่จะหยุดงานแบบไม่แจ้งล่วงหน้า ซึ่งทำให้อัตราการหยุดงานเพิ่มสูงขึ้น ในทางกลับกัน องค์กรที่มีนโยบายการลางานที่ยืดหยุ่น เช่น การลาป่วยโดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์ หรือมีการสนับสนุนการลางานเพื่อลดความเครียด จะช่วยลดอัตราการหยุดงานลงได้
แนวทางการลดอัตรา Absenteeism Rate ในองค์กร
แนวทางในการลดอัตรา Absenteeism Rate หรืออัตราการหยุดงานในองค์กรเพื่อให้พนักงานมีสุขภาพที่ดี มีแรงจูงใจในการทำงาน และสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มีดังนี้
1. การส่งเสริมสุขภาพพนักงาน
การส่งเสริมสุขภาพพนักงานเป็นกุญแจสำคัญในการลดอัตราการหยุดงาน เนื่องจากสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงช่วยให้พนักงานมีความสามารถในการทำงานอย่างต่อเนื่อง องค์กรสามารถสนับสนุนสุขภาพของพนักงานได้หลายวิธี เช่น จัดกิจกรรมออกกำลังกายที่เหมาะสมในที่ทำงาน จัดหาสวัสดิการสุขภาพ เช่น ประกันสุขภาพ โปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปี และการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต การส่งเสริมให้พนักงานพักผ่อนอย่างเหมาะสม รวมถึงการให้พนักงานมีเวลาพักเพียงพอระหว่างวันทำงาน จะช่วยลดโอกาสการเจ็บป่วยและทำให้พนักงานมีความพร้อมในการทำงานมากขึ้น
2. การจัดการกับความเครียดของพนักงาน
การจัดการความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดการหยุดงานได้ องค์กรควรสร้างระบบการสนับสนุนทางจิตใจให้พนักงาน เช่น การจัดหาโปรแกรมให้คำปรึกษาหรือสอนเทคนิคการจัดการกับความเครียด นอกจากนี้การแบ่งงานอย่างสมดุลเพื่อลดภาระงานที่มากเกินไป และการสร้างการสื่อสารที่เปิดกว้างเพื่อให้พนักงานสามารถแสดงความคิดเห็นหรือข้อกังวลได้อย่างอิสระ จะช่วยลดความเครียดในที่ทำงานและทำให้พนักงานรู้สึกมีความมั่นใจและพร้อมทำงานต่อไป
3. การสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี
องค์กรควรส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานที่พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและเป็นส่วนหนึ่งของทีม เช่น การสร้างการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ หรือการให้พนักงานมีโอกาสในการพัฒนาตนเอง บรรยากาศการทำงานที่เปิดกว้างและเป็นมิตรยังช่วยสร้างความผูกพันระหว่างพนักงานกับองค์กร ซึ่งส่งผลให้พนักงานรู้สึกมีความสุขในการทำงาน ช่วยให้พนักงานรู้สึกสบายใจและลดแนวโน้มการหยุดงาน
4. การพัฒนานโยบายการลางานที่สมดุล
หากนโยบายการลางานมีความยืดหยุ่น เช่น การอนุญาตให้พนักงานลาป่วยได้โดยไม่ต้องมีเอกสารที่ยุ่งยาก หรือการให้พนักงานสามารถใช้วันลาพักร้อนเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน นโยบายเหล่านี้จะทำให้พนักงานรู้สึกว่าองค์กรเข้าใจและสนับสนุนความเป็นอยู่ของพวกเขา นอกจากนี้การให้พนักงานสามารถจัดตารางวันลาของตนเองได้โดยไม่กระทบกับการทำงาน จะช่วยลดแรงกดดันในการตัดสินใจลางานอย่างไม่จำเป็น และยังช่วยให้พนักงานสามารถจัดการเรื่องส่วนตัวได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานมีความพร้อมในการทำงานมากขึ้น
5. การสร้างแรงจูงใจในการมาทำงาน
พนักงานที่รู้สึกมีแรงจูงใจจะมีความผูกพันและอยากที่จะทำงานมากขึ้น องค์กรสามารถสร้างแรงจูงใจได้ผ่านหลายวิธี เช่น การให้รางวัลหรือโบนัสสำหรับการมาทำงานอย่างสม่ำเสมอ การจัดโปรแกรมรางวัลสำหรับพนักงานที่ไม่ขาดงานตลอดปี การให้โอกาสพนักงานได้เรียนรู้หรือพัฒนาทักษะใหม่ ๆ รวมถึงการสนับสนุนการเลื่อนตำแหน่งหรือความก้าวหน้าในอาชีพยังช่วยเพิ่มความรู้สึกภาคภูมิใจและความมุ่งมั่นในการทำงาน
สรุป การคำนวณ Absenteeism Rate เพื่อติดตามอัตราการหยุดงานในองค์กร
Absenteeism Rate หมายถึง อัตราการหยุดงานเมื่อเทียบกับจำนวนวันที่พนักงานควรทำงานตามปกติในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ คิดเป็นร้อยละ ซึ่งมีความสำคัญในด้านการติดตามและปรับปรุงระบบการบริหารทรัพยากรบุคคลขององค์กร โดยมัสูตรการคำนวณคือ Absenteeism Rate = จำนวนวันที่หยุดงานคูณด้วย 100 และหารด้วยจำนวนวันที่ทำงานทั้งหมด อัตราการหยุดงานในองค์กรนั้นมีปัจจัยมาจากสุขภาพร่างกาย สภาพจิตใจ และความเครียดของพนักงาน วัฒนธรรมองค์กร และนโยบายการลางาน โดยมีแนวทางในการลดอัตราการหยุดงาน ได้แก่ การส่งเสริมสุขภาพพนักงาน การจัดการกับความเครียดของพนักงาน การสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี การพัฒนานโยบายการลางานที่สมดุล และการสร้างแรงจูงใจในการมาทำงาน