PageView Facebook
date_range 19/10/2023 visibility 17530 views
bookmark HR Knowledge
รวมสิทธิลดหย่อนภาษี 2566 - blog image preview
Blog >รวมสิทธิลดหย่อนภาษี 2566

ค่าลดหย่อนภาษีทั้งหมดที่มนุษย์เงินเดือนหรือผู้ที่ต้องเสียภาษี ควรรู้ไว้เพื่อเตรียมการยื่นภาษีในช่วงต้นปีที่จะมาถึงนี้ มาดูกันว่ามีสิทธิลดหย่อนภาษีอะไรบ้าง


บทความเกี่ยวกับภาษีที่คุณอาจสนใจ :


การลดหย่อนภาษี คือ



การลดหย่อนภาษี ก็คือกระบวนการลดจำนวนเงินภาษีที่รัฐเรียกเก็บจากรายได้หรือทรัพย์สินของเรา หรืออธิบายง่ายๆ คือวิธีที่จะประหยัดเงินเรามากขื้นนั่นเอง ซึ่งวิธีลดหย่อนภาษีสามารถทำได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในกองทุนรวม การซื้อประกันชีวิตและประกันสุขภาพ การซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือแม้กระทั่งการจับจ่ายใช้สอยต่างๆ ในชีวิตประจำวันก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ด้วยเช่นกัน


รวมสิทธิลดหย่อนภาษีปี 2566


1. กลุ่มค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัวและครอบครัว



ค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัว

ผู้เสียภาษีสามารถใช้ค่าลดหย่อนส่วนตัวได้ 60,000 บาท ไม่มีเงื่อนไขใดๆ โดยผู้เสียภาษีจะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนนี้ได้ทันทีที่ทำการยื่นแบบแสดงภาษีเงินได้ประจำปี (ภ.ง.ด. 90, ภ.ง.ด. 91)


ค่าลดหย่อนภาษีคู่สมรส

คู่สมรสสามารถใช้ค่าลดหย่อนภาษีได้ 60,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้


  • ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 1 คน
  • เป็นคู่ที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย
  • คู่สมรส (สามีหรือภรรยา) คนใดคนหนึ่ง ต้องเป็นผู้ที่ไม่มีรายได้ในปีนั้นๆ
  • กรณีที่มีรายได้ทั้งคู่ สามารถยื่นภาษีรวมกันได้ไม่เกิน 120,000

ค่าลดหย่อนบุตร

บุตรชอบด้วยกฎหมาย

  • หักค่าลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท หากมีบุตรคนที่ 2 ที่เกิดตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท
  • หักค่าลดหย่อนได้ไม่จำกัด ตามจำนวนบุตรจริง

บุตรบุญธรรม

  • หักลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท สูงสุด 3 คน
  • กรณีมีบุตรชอบด้วยกฎหมายที่มีชีวิตอยู่ตั้งแต่ 3 คน จะนำบุตรบุญธรรมมาหักอีกไม่ได้
  • กรณีมีบุตรชอบด้วยกฎหมายไม่ถึง 3 คน นำบุตรบุญธรรมมาหักได้รวมกับบุตรชอบด้วยกฎหมาย แต่รวมกันต้องไม่เกิน 3 คน

เงื่อนไขในการใช้สิทธิค่าลดหย่อนภาษีบุตร

  • บุตรจะต้องมีอายุไม่เกิน 20 ปี
  • กรณีที่บุตรอายุ 21-25 ปี จะต้องศึกษาอยู่ในระดับปวส.ขึ้นไปเท่านั้น
  • บุตรจะต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี (ยกเว้นกรณีเงินปันผล)

ค่าลดหย่อนภาษีบิดามารดา

1. บิดามารดาตัวเอง

ผู้ที่เลี้ยงดูบิดามารดา สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีบิดามารดาได้คนละ 30,000 บาท


เงื่อนไขในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีบิดามารดาตัวเอง

  • เป็นบิดามารดาที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือบิดามารดาที่แท้จริง
  • บิดามารดาจะต้องมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
  • บิดามารดา จะต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี
  • ไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนซ้ำกันระหว่างพี่น้องได้
  • ต้องใช้เอกสารรับรองการหักค่าลดหย่อนภาษี (ลย.03) โดยให้บิดามารดาเซ็นต์กำกับด้วย

2. บิดามารดาคู่สมรส

กรณีที่ดูแลบิดามารดาของคู่สมรส สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้คนละ 30000 บาท


เงื่อนไขในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีบิดามารดาคู่สมรส

  • เป็นบิดามารดาที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือบิดามารดาที่แท้จริง
  • บิดามารดาจะต้องมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
  • บิดามารดา จะต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี
  • คู่สมรสต้องไม่มีรายได้ และ ไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนซ้ำกันกับครอบครัวฝั่งคู่สมรส
  • ต้องใช้เอกสารรับรองการหักค่าลดหย่อนภาษี (ลย.03) โดยให้บิดามารดาเซ็นต์กำกับด้วย

ค่าลดหย่อนภาษีผู้พิการ หรือทุพพลภาพ

หากเป็นผู้ดูแลหรืออุปการะผู้พิการหรือทุพพลภาพ สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้คนละ 60,000 บาท โดยใช้เอกสารดังนี้

  • บัตรประจำตัวผู้พิการ หรือใบรับรองแพทย์
  • เอกสารรับรองการเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูผู้ทุพพลภาพ (ลย.04)

ค่าลดหย่อนภาษีฝากครรภ์และคลอดบุตร

ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตรสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 60,000 บาท


เงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีฝากครรภ์และคลอดบุตร

  • ต้องเป็นค่าฝากครรภ์และคลอดบุตรที่จ่ายตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป
  • -นกรณีที่ท้องปีนี้ คลอดปีหน้า สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามปีที่จ่ายจริง แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 60,000 บาท
  • ในกรณีที่ต้องยื่นภาษีทั้งสามีและภรรยา กฎหมายกำหนดให้ค่าลดหย่อนฝากครรภ์และคลอดบุตรเป็นของภรรยา แต่หากภรรยาไม่มีรายได้ในปีภาษีนั้นๆ สามีจึงจะสามารถใช้สิทธิฝากครรภ์และคลอดบุตรได้
  • ใช้ใบเสร็จรับเงิน และใบรับรองแพทย์เป็นหลักฐานในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
  • กรณีตั้งครรภ์ลูกแฝดจะนับว่าเป็นครรภ์เดียว

2.กลุ่มค่าลดหย่อนภาษีประกัน



ค่าลดหย่อนภาษีประกันชีวิต

ประกันชีวิตและประกันแบบสะสมทรัพย์ สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามจริงที่จ่าย สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท


เงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีประกันชีวิต

  • ต้องเป็นกรมธรรม์ที่มีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป
  • ต้องทำประกันกับบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทย

ค่าลดหย่อนภาษีประกันสุขภาพ

1. ประกันสุขภาพตนเอง

สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25000 บาท และเมื่อรวมกันประกันชีวิตทั่วไปหรือเงินฝากแบบมีประกันชีวิต จะต้องไม่เกิน 100,000 บาท โดยจะต้องเป็นประกันสุขภาพในกลุ่มต่อไปนี้

  • ประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองการรักษาพยาบาล เนื่องจากอาการเจ็บป่วยและอาการบาดเจ็บ ชดเชยทุพพลภาพและการสูญเสียอวัยวะเนื่องจากการเจ็บป่วยหรืออาการบาดเจ็บ
  • ประกันอุบัติเหตุ ที่ให้ความคุ้มครองการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และการแตกหักของกระดูก
  • ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง (Critical illnesses)
  • ประกันสุขภาพระยะยาว (Long Term Care)

2. ประกันสุขภาพบิดามารดา

สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท และบิดามารดาจะต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เลย โดยที่บิดามารดาไม่จำเป็นต้องอายุครบ 60 ปี


ค่าลดหย่อนภาษีประกันสังคม

สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 9,000 บาท


หมายเหตุ จำนวนเงินสมทบประกันสังคมอาจเปลี่ยนแปลงได้ หากมีการประกาศปรับลดเงินสมทบประกันสังคมในอนาคต


3.กลุ่มค่าลดหย่อนภาษีออมเงินและการลงทุน



ประกันชีวิตแบบบำนาญ

ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และจะต้องเป็นประกันบำนาญที่มีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป และจะต้องทำกับบริษัทประกันในประเทศไทยเท่านั้น และมีการจ่ายผลประโยชน์เป็นรายงวดอย่างสม่ำเสมอด้วย


กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)

สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องจ่ายภาษี ตามที่จ่ายจริง ไม่ว่าจะเป็น หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ แต่เมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อเกษียณอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 มีเงื่อนไขอื่นๆ เพิ่มเติมดังนี้


  • ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อครั้งแรก และสามารถขายได้ตอนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
  • ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อกองทุน RMF แต่จะต้องทำการซื้อต่อเนื่องทุกปี
  • สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีตามเกณฑ์ใหม่ได้ในปีที่เริ่มลงทุน ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป

กองทุนรวมเพื่อการออม SSF

กองทุนรวมเพื่อการออม SSF หรือ Super Saving Fund สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องจ่ายภาษี ตามที่จ่ายจริง โดยสามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ ก็ได้ อาทิ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ แต่ต้องไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อเกษียณอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 และมีเงื่อนไขอื่นๆ เพิ่มเติมดังนี้


  • ต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่ต่ำกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อกองทุน
  • ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อกองทุน SSF และไม่ต้องซื้อกองทุนต่อเนื่องทุกปี
  • สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ภายในปี 2563 - 2567 (ข้อมูลจาก https://www.setinvestnow.com/th/mutualfund/ssf-rmf-tax-saving-investments)

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / กองทุนสังเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน

ใช้ลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้ที่ต้องจ่ายภาษี ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 500,000 บาท


กองทุนบำเหน็จบำนาญราชการ (กบข.)

ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ตามจำนวนที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท


กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)

สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดปีละ 30,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุน RMF, กบข, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนสังเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน, เบี้ยประกันบำนาญ จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท


4.กลุ่มค่าลดหย่อนภาษีเงินบริจาค



เงินบริจาคทั่วไป

ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นๆ เช่น เงินบริจาคให้แก่วัด สถานศึกษาของรัฐและเอกชน องค์การของรัฐ สถานสาธารณกุศลและกองทุนสวัสดิการภายใน


Tips : สามารถตรวจสอบรายชื่อที่มีสิทธิหักลดหย่อนภาษีได้ที่ https://epayapp.rd.go.th/rd-edonation/check-donation/whitelist


เงินบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา การพัฒนาสังคม

เพื่อประโยชน์สาธารณะ และบริจาคเพื่อสถานพยาบาลของรัฐ สามารถนำมาลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินบริจาคจริง สูงสุดไม่เกิน 10% ของรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนภาษีอื่นๆ


เงินบริจาคให้กับพรรคการเมือง

สามารถลดหย่อนภาษ๊ได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท โดยเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. 2561 เป็นต้นไป


5.กลุ่มค่าลดหย่อนภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจ



ดอกเบี้ยบ้าน ลดหย่อนภาษี

ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว คอนโด ห้องชุด และอาคาร ก็สามารถนำดอกเบี้ยที่เกิดจากการซื้อที่อยู่อาศัยมาใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ในกรณีที่ซื้อแบบกู้ร่วม สิทธิลดหย่อนภาษีจะเฉลี่ยตามจำนวนคนร่วมกู้ โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติม คือ


  • สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีกับการซื้อที่อยู่อาศัยกี่หลังก็ได้ แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท
  • ต้องใช้เอกสารรับรองการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่เจ้าหนี้ออกให้ เป็นหลักฐานในการลดหย่อนภาษีด้วย

โครงการช้อปดีมีคืน 2566

สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าหรือบริการภายในประเทศ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2566 มาใช้สิทธิสดหย่อนภาษี 2566 ได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 40,000 บาท โดย 30,000 บาทแรกเป็นค่าซื้อสินค้าและบริการที่มีหลักฐานเป็นใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษีแบบกระดาษหรืออิเล็กทรอนิกส์ และอีก 10,000 บาท ต้องมีหลักฐานเป็นใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น สินค้าและบริการที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ได้แก่ สินค้าและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สินค้า OTOP และสินค้าหมวดหนังสือ (รวมถึง E-Book)


สรุปสิทธิลดหย่อนภาษี

เมื่อทราบสิทธิลดหย่อนภาษีต่างๆ กันแล้ว สำหรับมนุษย์เงินเดือนหรือผู้ที่ต้องเสียภาษีอย่างเรานั้น จะต้องเริ่มการวางแผนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีถัดไป ซึ่งก็คือการวางแผนสิทธิค่าลดหย่อนภาษีต่างๆ เพื่อเตรียมการยื่นภาษีออนไลน์ในต้นปีที่จะมาถึง เพื่อการประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินภาษีและเพื่อสิทธิประโยชน์ของตัวเราเองด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการซื้อประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรือการลงทุนเพื่อผลตอบแทนในอนาคต ก็ควรที่จะเริ่มวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้แผนการใช้เงินมีความรัดกุมและเป็นระบบมากขึ้น สุดท้ายเมื่อวางแผนการเงินได้อย่างดี ชีวิตในอนาคตของเราก็จะดีมากขึ้นด้วยนั่นเอง

โปรแกรมเงินเดือน HumanSoft
ทดลองใช้ฟรี 30 วันครบทุกฟังก์ชัน
  • บริการขึ้นระบบ ฟรี
  • ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
  • ยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้