“Mental Health” หรือ สุขภาพจิต สิ่งสำคัญที่มนุษย์ทุกคนไม่ควรมองข้าม เมื่อเกิดภาวะเครียดจะมีวิธีการจัดการกับความเครียดและดูแลสุขภาพจิตได้อย่างไร ไปหาคำตอบกันเลย
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- 4 วิธีจัดการปัญหาสุขภาพจิตในที่ทำงาน ฉบับ HR
- วิธีเช็คภาวะหมดไฟของพนักงาน ด้วยแบบประเมินความเครียด
- เช็กอาการโรคซึมเศร้าของพนักงาน ด้วยแบบทดสอบโรคซึมเศร้า
- Checklist อาการที่เป็นสัญญาณเตือนว่าเข้าข่ายออฟฟิศซินโดรม
Mental Health คืออะไร?
Mental Health หรือ สุขภาพจิต เป็นสุขภาวะที่เกี่ยวโยงกับมนุษย์ทั้งทางอารมณ์และจิตใจ ที่ส่งผลต่อการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลรอบข้าง
ทำไม Mental Health จึงสำคัญ?
สุขภาพจิตนับว่าสำคัญไม่น้อยไปกว่าสุขภาพร่างกาย เพราะสุขภาพจิตสามารถส่งผลต่อความรู้สึกและชีวิตมนุษย์ได้ในทุกด้าน เนื่องด้วยจิตใจและร่างกายล้วนต้องทำงานสัมพันธ์กัน หากสุขภาพจิตแย่สุขภาพกายก็แย่ตามไปด้วย เช่น เมื่อร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ สมองก็จะทำงานช้าและแย่ลง ส่งผลให้อารมณ์เสียง่าย และอาจส่งผลไปถึงการตัดสินใจ ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้คิดถี่ถ้วนมากพอ หรือหากเราเกิดความเครียด แต่เราไม่สามารถรับมือหรือหาทางแก้ไขได้ ความเครียดนี้ก็จะสะสมมาเรื่อย ๆ จนอาจส่งผลเกี่ยวกับด้านพฤติกรรมการแสดงออกต่อตนเองและบุคคลรอบข้างได้ ดังนั้น เรื่องของสุขภาพจิตนับว่าเป็นเรื่องสำคัญที่มนุษย์เราไม่ควรมองข้าม หากเราทุกคนเพิกฉยต่อปัญหาสุขภาพจิต ก็อาจส่งผลให้เกิดโรคทางจิตเวชในอนาคตขึ้นได้
แชร์วิธีดูแลสุขภาพจิตที่ทุกคนสามารถทำตามได้
การดูแลสุขภาพจิต ควรเริ่มจากกิจกรรมที่สอดคล้องกับการดูแลสุขภาพกาย เพราะการดูแลสุขภาพกายมักทำได้ง่ายกว่า วันนี้เรามีวิธีดูแลสุขภาพจิตมาฝากทุกท่าน จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย
1. การออกกำลังกาย
การออกกำลังกาย นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังเป็นกิจกรรมที่ยังช่วยให้ร่างกายมีการหลั่งฮอร์โมนที่เกี่ยวโยงกับความเครียดและความรู้สึก เช่น การออกกำลังกายนอกจากจะเป็นกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงได้แล้ว การออกกำลังกายยังช่วยให้มีการหลั่งฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกและความเครียดออกมา เช่น ช่วยเพิ่มการหลั่งของฮอร์โมน Endorphins ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยคลายความเจ็บปวดและทำให้เราอารมณ์ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดฮอร์โมนความเครียดในร่างกาย ทำให้เราเครียดน้อยลงหรือหายเครียดได้ง่ายมากขึ้น
2. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
แน่นอนว่าการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ นอกจากจะส่งผลดีต่อร่างกายแล้วยังส่งผลดีต่อสุขภาพจิตของเราอีกด้วย หากเมื่อไหร่ที่เรานอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ เราจะรู้สึกว่าสมองสั่งการได้ช้า เหม่อลอย ไม่มีสติ ดังนั้น การนอนหลับให้ได้ 6-8 ชั่วโมง/วัน จะช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้นกับสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเราได้
3. ฝึกกิจกรรมนั่งสมาธิ
การดูแลสุขภาพจิตที่ดี ควรเริ่มจากการฝึกกิจกรรมนั่งสมาธิ เพราะการนั่งสมาธิ เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกสติ หากเราสามารถฝึกสมาธิได้ สิ่งนี้จะทำให้เราได้อยู่กับตนเองและรู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองมากยิ่งขึ้น หากเรามีสมาธิ มีสติ ก็จะทำให้เราสามารถรับมือกับอารมณ์ ความรู้สึก ที่กำลังเกิดขึ้น ณ ขณะนั้นได้
4. สำรวจตนเองและเร่งแก้ไข
ปัญหาสุขภาพจิตที่เกิดขึ้น หลาย ๆ ครั้งที่ตัวเรารู้สึกแย่ หรือเกิดปัญหาใด ๆ ก็ตาม เราไม่สามารถหาทางออกของปัญหาเหล่านั้นและหาวิธีผ่อนคลายความเครียดที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เราต้องรู้จักสำรวจความรู้สึกของตนเองอยู่เสมอ หากเมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าเรากำลังรู้สึกแย่ หงุดหงิด หรือโมโห ตัวเราเองอาจจะต้องหาต้นตอของปัญหาให้เจอว่าเกิดจากอะไร เมื่อเราเจอต้นตอของปัญหาแล้ว เมื่อเราอารมณ์ดีขึ้นเราค่อยมองหาวิธีแก้ปัญหา แก้ปัญหาอย่างชาญฉลาด ไม่เร่งรีบ เพื่อทำให้ตัวเราไม่เกิดภาวะเครียดซ้ำซ้อน ปัญหาสุขภาพจิตก็จะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีกแน่นอน
5. รักษาความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
การดูแลสุขภาพจิต ไม่เพียงแต่ดูแลสภาพจิตใจของตนเองเท่านั้น แต่การดูแสุขภาพจิตของบุคคลรอบข้างก็สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว คนรัก เพื่อน หรือบุคคลที่เรารู้จัก มนุษย์เราก็ควรที่จะรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เช่น ใช้เวลาร่วมกัน พูดคุยกัน หรือจะพากันออกไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างความทรงจำที่ดีร่วมกันก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน นอกจากจะให้ความสำคัญกับการพูดคุยกันแล้ว การรักษาระยะห่างกับบุคคลรอบข้างก็ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะทุกคนย่อมมีสังคมที่หลากหลาย หรือบางคนอาจจะอยากมีเวลาส่วนตัว ต้องการเวลาที่ได้อยู่คนเดียว เซฟโซนของคนเราไม่เหมือนกัน ดังนั้น หากเรารู้จักเว้นระยะห่างและให้เกียรติกัน ปัญหาสุขภาพจิตก็จะไม่เกิดขึ้น เราทุกคนก็จะมีสุขภาพจิตที่ดี และมีความสุขทั้งสุขภาพกายสุขภาพใจ
สรุป แชร์ 5 วิธีดูแลสุขภาพจิต (Mental Health) ที่ทุกคนทำตามได้
โดยสรุปแล้ว การดูแลสุขภาพจิต นับเป็นเรื่องสำคัญ ที่มนุษย์ทุกคนไม่ควรมองข้าม เพราะความเจ็บปวดทางใจ นับเป็นปัญหาที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดังนั้น การให้ความสำคัญและหมั่นตรวจเช็กสุขภาพจิตของตนเองอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เรามองเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และสามารถหาวิธีแก้ไขและหาวิธีจัดการกับความเครียดที่ตนเองพบเจอได้