ในยุคที่ Coaching กำลังถูดพูดถึงอย่างมาก บทความนี้จึงมาบอกเล่าความหมาย และเทคนิคของ Coaching เพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในองค์กรให้เพิ่มมากขึ้น

บทความเกี่ยวข้องที่น่าสนใจ :

Coaching คืออะไร ?

Coaching หรือ การโค้ช คือเป็นกระบวนการที่ทำงานร่วมกันระหว่างโค้ช Coach ที่เป็นผู้ช่วยเหลือ ชวนคิด หรือปลดล็อกความสามารถบางอย่างในตัวของผู้รับโค้ช (Coachee) ให้มีศักยภาพที่สูงขึ้น หรือมีความสุขตามความต้องการ ผ่านวิธีการต่างๆ เพื่อให้ผู้รับการโค้ชได้เรียนรู้ ตระหนักในตัวเองและเกิดการเปลี่ยนแปลง ลงมือทำด้วยความสามารถของตัวเอง หรือสามารถอธิบายสั้นๆ ได้ว่า “การโค้ช เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างโค้ชและผู้รับการโค้ช ให้ถึงจุดหมายที่ต้องการจากทรัพยากรที่มี”

ปัจจุบัน การโค้ช Coaching กลายเป็นเครื่องมือที่สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาทักษะของพนักงานหรือบุคลากรในองค์กรให้มีศักยภาพมากขึ้น โดยผู้โค้ชจำเป็นต้องมีทักษะการโค้ช Coaching Skill เพื่อดึงศักยภาพของบุคลากรออกมาให้มากที่สุด รวมทั้งพัฒนาความสามารถของทีมในการปฏิบัติงานให้ได้ตามเป้าหมายขององค์กร ดังนั้น Coaching จึงเป็นบทบาทสำคัญอย่างมากของผู้นำในการบริหารงาน (Performance Management) และการบริหารคน

การ Coaching บุคลากรในองค์กรส่วนใหญ่จะเป็นเจ้านาย ผู้บริหาร ผู้จัดการหรือหัวหน้างาน และบุคคลภายนอกหรือผู้เชี่ยวชาญก็สามารถเข้ามาช่วย Coaching ได้ในบางเรื่อง แต่สุดท้ายแล้ว เรื่อง Coaching นั้นเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่ตลอดเวลา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญ หรือบุคคลภายนอกไม่สามารถทำได้ จึงเป็นงานที่หัวหน้ามีหน้าที่ต้องทำเองอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ

เทคนิคการ Coaching สำหรับ HR และหัวหน้างาน

เพราะการ Coaching ไม่ใช่การสอนงาน แต่เป็นเสมือนเพื่อนที่คอยช่วยกระตุ้นความคิดอย่างสร้างสรรค์ โดยมีเทคนิคแบ่งออกเป็น 5 ระดับสำหรับลูกทีมประเภทต่างๆ ดังนี้

1. ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

หนทางที่ดีที่สุดสำหรับการโค้ชลูกทีมที่ยังทำงานไม่เป็น และไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงทำไม่ได้ คือการลงมือทำให้เห็นทุกๆ ขั้นตอนโดยละเอียด พร้อมการอธิบายให้รู้ด้วยว่า ทำแบบนั้นทำไม

ตัวอย่างเช่น

การสอนลูกทีมทำงาน Present หัวหน้าควรนั่งทำให้ดูทีละขั้นตอน พร้อมบอกเหตุผลในการเลือกทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ฟ้อน วิธีการสรุปข้อมูล วิธีการนำเสนอ และเทคนิคต่างๆ ที่ควรรู้ เพื่อให้ลูกทีมเข้าใจและเห็นภาพการทำงานทั้งหมด พร้อมกับนำไปพัฒนาให้กับตนเองต่อไป

2. สอนโดยใช้การอธิบาย

หรืออีกหนึ่งวิธีสำหรับลูกทีม คือการสอนโดยตั้งคำถามให้ลูกทีมได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ เพราะจะทำให้เรารู้ถึงความเข้าใจของลูกทีม ว่าเข้าใจอย่างไร พร้อมกับนำไปตั้งเป็นคำถามต่อไปเพื่อให้เกิดการนำไปคิดต่อ และพัฒนาวิธีการทำงานให้ดีขึ้นในที่สุด

ตัวอย่างเช่น

การถามหาเหตุผลว่าทำไม คุณถึงควรเลือกใช้สีนี้ในการ Present หรือ ทำไมเราถึงควรใช้หัวข้อนี้เริ่มการ Present เป็นต้น

3. ชี้ให้เห็นถึงปัญหา

สำหรับลูกทีมที่ทำงานได้ดีแล้ว แต่ยังติดปัญหาอยู่แค่บางจุด หัวหน้าจึงไม่ต้องสอนคนกลุ่มนี้ทุกกระบวนการ แต่ควรพยายามสังเกตและหาเหตุผลถึงจุดที่ทำให้ลูกทีมสะดุด และเกิดปัญหาเดิมๆ จากนั้นควรตั้งเป็นคำถาม หรือ Feedback เพื่อให้เกิดการนำไปคิดต่อ หรือพัฒนาการทำงานให้ดีมากยิ่งขึ้น

4. การตั้งคำถามกระตุ้น

สำหรับลูกทีมที่ทำได้ดีมากแล้ว แต่ยังทำแบบเดิมๆ เหมือนทำตามคู่มือ ไม่สามารถพลิกแพลงใดๆ ได้เลย ก็ควรกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของลูกทีมด้วยการตั้งคำถามที่เริ่มต้นว่า “ทำไม?” เพื่อให้ลูกทีมเกิดความคิดไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ

5. คอยสนับสนุน

สำหรับลูกทีมประเภทที่เรียกว่า Super Star ที่ทำงานได้เก่งและดีมากอยู่เสมอ จ่ายงานใดๆ ไปก็สามารถจัดการต่อได้เองทั้งหมด แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้มากเกินไป อย่าลืมว่าลูกทีมย่อมยังต้องการการสนับสนุนจากหัวหน้าอยู่เสมอ เพราะเมื่อลูกทีม Super Star นั้นติดปัญหาบางอย่างแล้ว อาจทำให้ไม่กล้าขอความช่วยเหลือ ดังนั้นจึงควรมองหาจุดทำให้ลูกทีมเหนื่อยล้า รู้สึกฝืนใจ หรือมีข้อบกพร่อง แล้วทำให้ลูกทีมรู้ว่ายังมีหัวหน้าที่คอยช่วยเหลืออยู่เสมอ ไม่ว่าจะมีปัญหาใดอยู่ก็ตาม

สรุป เทคนิคการ Coaching เพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น

หลังจากรู้เทคนิคการ Coaching เพื่อพัฒนาบุคลากรในองค์กรไปแล้ว แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้บุคลากรหรือลูกทีมของเรานั้นไปสู่เป้าหมายได้ แต่หากได้รับการช่วยเหลือ สนับสนุนจากโค้ชอย่างเต็มที่แล้ว เป้าหมายก็จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม และจงเชื่อไว้เสมอว่า คนเรานั้นเปลี่ยนแปลงได้ บางคนอาจดูเลวร้ายที่สุด แต่ก็อาจยังมีมุมอื่นๆ ที่ดีและสามารถนำมาพัฒนาต่อไปได้ ผ่านการเข้าอกเข้าใจของโค้ชและช่วยเหลืออย่างถูกวิธีนั่นเอง